JohnZa พาซิ่ง

JohnZa พาซิ่ง

Johnza พาซิ่ง Ep.19 ชวนขี่สองล้อในบรรยากาศสุดชิลล์ ณ ชายแดนแห่งอารยธรรม นามสังขละบุรี

 

 

          สวัสดีเพื่อนๆ Johnza พาซิ่ง สำหรับตอนนี้ เป็นตอนที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวแบบชมธรรมชาติ และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น เพราะในวันนี้ ผมยังคงอยู่กับ Triumph Street Cup ยอดรถ Modern Classic สไตล์ Café Racer แท้ๆ จากประเทศอังกฤษ ที่ให้อารมณ์ Vintage ได้อย่างแท้จริง ซึ่งสามารถใช้ในชีวิตประจำวัน หรือจะใช้ออกทริปใกล้ไกลได้หมด ด้วยเรื่องของเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดทรงพลัง ระบบช่วยเหลือต่างๆ ที่มีมากมาย ทั้งเรื่องของการทำงานของระบบช่วยคลัทช์ (ทำงานแบบเดียวกับ Slipper clutch) ระบบ Rider Focused Technology, คันเร่งไฟฟ้า, สวิทช์คอนโทรลการลื่นไถล, ระบบเบรค ABS รวมถึงความสูงของเบาะยังได้รับการปรับปรุงมาให้มีความนุ่มนวลพร้อมควบคุมง่ายขึ้นอีกด้วย

 

 

            Triumph Street Cup ชื่อของมันนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแข่งขันตามคลับต่างๆ ในสมัยก่อน ด้วยสไตล์ Stripped Back ย้อนยุคร่วมสมัยแบบคัสตอม โดยจุดเด่นของ Street Cup อยู่ที่ความเป็นสปอร์ตแบบคนเมือง และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำออกมาได้อย่างน่าค้นหา เช่น เบาะนั่งทรงหัวกระสุนที่ทำด้วยงานฝีมือ, ชิลด์หน้าทรงเรซซิ่ง, กระจกปลายแฮนด์ และพักเท้ากับชุดเกียร์โยงสไตล์ Thruxton R

 

 

             สำหรับวันนี้ ที่ที่ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวด้วยกันนั้น ไม่ใกล้ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นัก นั่นคือ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งคราวนี้ ผมเลือกที่จะไปที่อำเภอสังขละบุรี ซึ่งที่แห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้เราได้เลือกชมกัน ทั้งบริเวณที่ถือว่าเป็น Landmark ของที่นี่คือ สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ ซึ่ง เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 850 เมตร สร้างข้ามลำน้ำซองกาเลียสำหรับให้ประชาชนฝั่งตัวอำเภอสังขละบุรี และฝั่งหมู่บ้านชาวมอญเดินข้ามสัญจรไปมา บริเวณสะพานแห่งนี้ เป็นจุดชมวิวทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นลำห้วยสายต่างๆ คือ ซองกาเลีย บีคลี่ และรันตี ที่ไหลมารวมกันเป็นสามประสบ โดยในช่วงเช้าจะมีพระสงฆ์มาบิณฑบาตชาวบ้าน รวมถึงนักท่องเที่ยวแถวนี้ทุกวัน ซึ่งถือเป็นสเน่ห์ของที่นี่เลยทีเดียว

 

สะพานมอญ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 850 เมตร

 

 

             ยังมีสถานที่อีกแห่งที่น่าสนใจสำหรับ วัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย และกะเหรี่ยง โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น "เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" วัดวังก์วิเวการาม จึงเกิดจากพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อ และเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" วัดจึงเป็นเสมือนตัวแทนหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญ และจัดงานอื่นๆ เช่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่ออุตตมะ มีงานกิจกรรมต่างๆ พิธีกรรมทางศาสนา งานแข่งขันชกมวยคาดเชือก การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่นการรำแบบมอญ การรำตงของชาวกะเหรี่ยง และมีการแต่งกายตามแบบวัฒนธรรมชาวไทยรามัญ

 

 

             และอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับ ด่านเจดีย์สามองค์ หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ "หินสามกอง" เป็นจุดบอกเขตผ่านทาง พรมแดนไทย - พม่า ในแนวเขาตะนาวศรี ปัจจุบันบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ นอกจากจะเป็นเส้นทางผ่านพรมแดนไทย - พม่า แล้ว ยังมีตลาดที่เป็นจุดแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าที่สำคัญหลายชนิด บริเวณด่านมีเจดีย์ 3 องค์ ตั้งเรียงกันในแนวยาว ลักษณะเป็นเจดีย์ฐานแปดเหลี่ยม ด้านบนเป็นทรงกลม ยอดแหลม มีสีขาวขนาดไม่ใหญ่นัก ในอดีตเป็นเพียงกองหินที่ชาวบ้านนำมาวางไว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางผ่านไปยังพม่า จนกระทั่งปี พ.ศ. 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรี นำชาวบ้านมาช่วยก่อให้เป็นเจดีย์แทน เจดีย์สามองค์จึงเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของจุดข้ามพรมแดน เชื่อว่าในคริสต์ศตวรรษที่ 3 พระสงฆ์ชาวอินเดียได้เดินทางผ่านพรมแดนนี้เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในไทย และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในอดีต ที่กองทัพพม่ายกทัพเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อไปตีอยุธยา ในศึกสงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ เมื่อปี พ.ศ. 2091

 

 

              นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ด่านเจดีย์สามองค์ สามารถแวะชมและซื้อของฝากตามร้านค้าที่อยู่บริเวณด่าน มีสินค้าหลายอย่างที่มาจากฝั่งพม่า เช่น เครื่องประดับ จำพวกพลอย หยก หินสี เฟอร์นิเจอร์ไม้ ชุดโต๊ะเก้าอี้ เครื่องไม้ตกแต่งบ้าน เครื่องประทินผิวของพม่า เช่นแป้งทานาคา ผ้าโสร่ง ต้นไม้ป่า กล้วยไม้ป่าจากพม่า นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถทำใบผ่านแดนเข้าไปในพม่าได้ภายใน 1 วัน เพื่อเข้าไปชมเมืองพญาตองซูในประเทศพม่า ที่ห่างจากบริเวณด่านไปเพียง 3 กิโลเมตร

 

 

                และหลังจากที่เที่ยวกันเสร็จแล้ว ปิดท้าย...ผมเลือกที่พักแบบง่ายๆ สไตล์ Hostel ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณแหล่งท่องเที่ยวนัก นั่นคือ Oh Dee Hostel ซึ่งเป็นที่พักสบายๆ ใกล้กับตลาดนัดกลางคืน เพื่อที่จะได้หาข้าวเย็นอร่อยๆ จากฝีมือของชาวบ้านละแวกนั้น และพักผ่อนอย่างมีความสุขกับการเที่ยวในครั้งนี้

 

Triumph Street Cup

 

                ฝากไว้สำหรับเรื่องของการบำรุงรักษา Triumph Street Cup ไม่แพงอย่างที่คิด สำหรับการเข้าศูนย์ ครั้งแรกที่ 800 กม. หรือระยะ 1 เดือน และ 16,000 กม. หรือระยะ 1 ปี ค่าใช้จ่ายเบาๆ เพียงแค่ 3,000 กว่าบาทเท่านั้น และที่สำคัญ ศูนย์ Triumph Thailand ยังรับประกันตัวรถถึง 2 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย เรียกว่า ขี่กันด้วยความอุ่นใจกันเลยทีเดียว ท่านใดสนใจอยากทดลองรถดีๆ สไตล์แท้ๆ จากอังกฤษ อย่าง Triumph Street Cup สามารถทดลองได้ที่ Triumph ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงการ Service ก็สามารถทำได้ทั่วประเทศเช่นกันครับ

Pajingo
เขียนโดย: Pajingo
เมื่อ: 3 มีนาคม 2560 - 11:27

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

ข่าวความเคลื่อนไหว

วิดีโอ